กปน. และ กอ.รมน. ร่วมลงนาม MOU การบูรณาการการบริหารจัดการน้ำประปาอย่างยั่งยืน
กปน. และ กอ.รมน. ร่วมลงนาม MOU การบูรณาการการบริหารจัดการน้ำประปาอย่างยั่งยืน เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมวางแผนรองรับการจัดการน้ำทุกสถานการณ์ เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ.2565 เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 3 อาคารรื่นฤดี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พลเอก สิงห์ทอง หมีทอง กรรมการการประปานครหลวง (กปน.) ให้เกียรติร่วมพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) การบูรณาการการบริหารจัดการน้ำประปาอย่างยั่งยืน ระหว่าง กปน. และ กอ.รมน. โดยมี นายกวี อารีกุล ผู้ว่าการ กปน. และ พลเอก สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เลขาธิการ กอ.รมน. ปฏิบัติราชการแทน ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ร่วมลงนาม พร้อมด้วย นายสุทธิรักษ์ บูชากุล นายรักษ์ศักดิ์ สุริยหาร นางราชิรัช อุทาโย รองผู้ว่าการ กปน. คณะอนุกรรมการบริหารความเสี่ยงและควบคุมภายใน กปน. และคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ กอ.รมน. ร่วมพิธีและเป็นสักขีพยาน บันทึกความร่วมมือฯ ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้เกิดการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ในการพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดหาแหล่งน้ำสำรองสำหรับการผลิตน้ำประปาในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยบูรณาการตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อบริหารจัดการรองรับสถานการณ์น้ำตั้งแต่ยามปกติจนถึงสถานการณ์วิกฤต ร่วมดำเนินการฝึกซ้อมแผนรองรับภัยพิบัติ วินาศกรรม และสถานการณ์ฉุกเฉินอื่นๆ เพื่อเตรียมป้องกันความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานระบบประปาและผลกระทบต่อการให้บริการประชาชน รวมถึงร่วมมือพัฒนาและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ทักษะความชำนาญด้านวิชาการ ด้านเทคโนโลยี ฯลฯ อีกทั้งร่วมกันสื่อสารประชาสัมพันธ์ข่าวสารที่สำคัญ ส่งเสริมให้ประชาชนได้ตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรน้ำ การสร้างเครือข่าย และการมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและดูแลท่อจ่ายน้ำประปา ในการนี้ นายกวี อารีกุล ผู้ว่าการ กปน. ได้กล่าวขอบคุณในการสนับสนุนการจัดทำบันทึกความร่วมมือฯ อันจะนำไปสู่การเสริมสร้างประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำประปา สร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และเกิดการบูรณาการองค์ความรู้ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ พลเอก สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เลขาธิการ กอ.รมน. กล่าวยินดีให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ด้วยความเชื่อมั่นว่าความร่วมมือดังกล่าว จะเป็นประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน สังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศต่อไป